ประเทศอังกฤษประกาศแผนในการห้ามขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ภายใต้แผนการปฏิวัติอุตสาหกรรมสีเขียว

Boris Johnson นายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักร ประกาศแผนที่จะห้ามขายรถยนต์ และรถตู้ที่ใช้น้ำมันเบนซิน หรือน้ำมันดีเซล แต่ยังคงอนุญาตให้ขายรถยนต์ระบบไฮบริดบางประเภท ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2030 ซึ่งแผนดังกล่าว ถือเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industrial Revolution) เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก และเพื่อสนับสนุนเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) ภายในปี ค.ศ. 2050
Alok Sharma ประธานการประชุม COP26 กล่าวว่า เงินลงทุนเพื่อสนับสนุนแผนดังกล่าว จากทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน นอกจากจะเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industrial Revolution) แล้วนั้นยังมีส่วนช่วยในการสร้างงานให้ประชาชนได้จำนวนมาก

แผนในการปฏิวัติอุตสาหกรรมสีเขียวของประเทศอังกฤษ ประกอบด้วย 10 ประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. สนับสนุนการผลิตพลังงานไฟฟ้า จากกระแสลมในทะเล ให้ได้ประมาณ 40 กิกะวัตต์ ในปี ค.ศ. 2030 และจะช่วยทำให้เกิดการจ้างงานได้ถึง 60,000 ตำแหน่ง
2. กำลังการผลิตจาก Hydrogen โดยมุ่งเป้าให้มีกำลังการผลิตให้ได้ 5 กิกะวัตต์ ภายในปี ค.ศ. 2030
3. ส่งเสริมพลังงานนิวเคลียร์ ให้เป็นแหล่งพลังงานสะอาด และส่งเสริมให้เกิดการสร้างงาน 10,000 ตำแหน่ง
4. ระงับการจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้ น้ำมันเบนซินและดีเซลภายในปี ค.ศ. 2030 และส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า
5. ส่งเสริมระบบการขนส่งสาธารณะ เพื่อสนับสนุนลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
6. พัฒนาระบบขนส่งทางเครื่องบิน และทางเรือ ที่เป็นลดการปล่อยมลพิษ และส่งเสริมเป้าหมายการปลดปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์
7. ส่งเสริมให้เกิดสิ่งปลูกสร้าง บ้าน และอาคารสาธารณะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
8. พัฒนาเทคโนโลยีดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศให้ได้ 10 ล้านตัน ในปี ค.ศ. 2030
9. ส่งเสริมการอนุรักษ์และฟื้นฟูธรรมชาติ โดยตั้งเป้าให้มีการปลูกต้นไม้ปีละ 187,500 ไร่ (30,000 Hectares)
10. พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อทำให้กรุงลอนดอน เป็นศูนย์กลางของการเงินสีเขียว (Green Finance)

 

 

 

ที่มา/แหล่งข้อมูล

https://www.bbc.co.uk/news/science-environment-54981425

Write a comment

two × four =