𝐁𝐢𝐝𝐞𝐧’𝐬 𝐠𝐫𝐞𝐞𝐧 𝐫𝐞𝐯𝐨𝐥𝐮𝐭𝐢𝐨𝐧: 𝐢𝐭 𝐧𝐞𝐞𝐝𝐬 𝐫𝐞𝐯𝐨𝐥𝐮𝐭𝐢𝐨𝐧𝐚𝐫𝐢𝐞𝐬
ในภาวะฉุกเฉินทางภูมิอากาศ ไม่ควรปล่อยให้ประเทศยากจนต้องพึ่งพาเพียงแหล่งจากภาคเอกชนเท่านั้น
ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง Joe Biden แสดงจุดยืนชัดเจนว่า สิ่งแวดล้อมเป็นหัวใจของแผนงานทางเศรษฐกิจของเขา และเมื่อเข้ารับตำแหน่ง เขาได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ โดยกำหนดงบประมาณและระเบียบข้อบังคับเพื่อจำกัดความเสียหายจากภาวะฉุกเฉินทางภูมิอากาศ ในขณะเดียวกันก็ยังได้กำหนดให้ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่ส่งผลต่อโครงสร้างเศรฐกิจของสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่ต้องแก้ไข
นโยบาย green shift ของประธานาธิบดี Biden ได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชนชาวสหรัฐฯ ถ้าจะมีสิ่งที่ไม่ถูกใจอยู่บ้างก็คือ ทิศทางของนโยบายที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งในประเทศ ซึ่งภายใต้การบริหารงานของเขาอาจส่งแรงกดดันออกไปยังตลาดในต่างประเทศ
ในภาวะฉุกเฉินทางภูมิอากาศ ไม่ควรปล่อยให้ประเทศยากจนต้องพึ่งพาเพียงแหล่งจากภาคเอกชนเท่านั้น ประเทศที่ร่ำรวยกว่าควรจัดหาเงินทุนที่ไม่จำกัดเงื่อนไขในระดับที่เพียงพอ เพื่อให้ประเทศกำลังพัฒนาได้พัฒนาความสามารถเชิงสถาบัน เพื่อสร้างรูปแบบความยั่งยืน ของการบริโภคและการลงทุน แบบ Carbon Neutral ของตนเอง โดยสหรัฐได้เพิ่มงบประมาณด้านสภาพภูมิอากาศขึ้นสองเท่า ถึง 6 พันล้าน USD เพื่อสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย green jobs plan ซึ่งมีมูลค่าถึง 2.25 ล้านล้าน USD ประเทศกำลังพัฒนาซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการออกเสียงในสภา US Congress แต่ดูจะเป็นเรื่องผิดปกติหากประเทศเหล่านั้นต้องได้รับผลกระทบไปด้วย
ในสหรัฐฯ ประธานาธิบดี Biden กล่าวกับนักลงทุน Wall Street ให้ช่วยสนับการเปลี่ยนผ่านสีเขียว (green transition) ด้วยการซื้อตั๋วเงินคลัง และร่วมกันแบกรับความเสี่ยงจากการถือครองสินทรัพย์ของรัฐบาลสหรัฐฯ
ในแผนงานของประธานาธิบดี Biden สำหรับการดำเนินงานระดับพื้นฐานต้องการให้เกิดการขยายตัวการลงทุนไปสู่โครงสร้างพื้นฐานสีเขียว (public green infrastructure) ซึ่งประชาชนสามารถเข้าถึงได้อย่างอิสระ
ที่มา/ แหล่งข้อมูล